ชื่อแบรนด์คือสิ่งสำคัญลำดับแรกๆที่ลูกค้าจะจดจำแบรนด์ได้
เปรียบเสมือนกับ First Impression ความประทับใจเมื่อแรกเห็น
แต่ปัญหาก็คือ หลายๆครั้งที่ชื่อแบรนด์ กับตัวแบรนด์ ตัวสินค้าและบริการ
กลับไม่ได้สื่อความหมายไปในทิศทางเดียวกันซึ่งก็อาจจะทำให้
แบรนด์ขาดความน่าเชื่อถือได้
ทีนี้ลองมาดูสูตรการตั้งชื่อแบรนด์ง่ายๆ ด้วยการใช้เทคนิค 5 ส. ในการตั้งชื่อแบรนด์กันค่ะ
01: ตั้งชื่อแบบ สื่อความหมาย Meaningful
ตั้งชื่อแบรนด์แบบที่มีความหมายแฝงเป็นนัยยะ
ตัวอย่างแบรนด์ NIKE ที่มาจากภาษากรีก ที่แปลว่า ชัยชนะจากพระเจ้า
แบรนด์ที่ใช้ชื่อที่มีความหมาย จะช่วยสร้าง Emotional
ช่วยสื่อเข้าไปถึงความรู้สึกถึงลูกค้าได้ดี
02 : ตั้งชื่อแบรนด์แบบ สนุก Expressive
แบบที่สื่อถึงอารมณ์ของแบรนด์
ตัวอย่าง Pringles = อ่านง่าย จำง่าย ฟังแล้วสนุก
ชื่อที่ดีต้องอ่านออกเสียงง่าย สะกดง่าย
และช่วยให้ลูกค้าจดจำคุณได้ง่าย
03 : ตั้งชื่อแบรนด์แบบ สั้น Concise
สั้น ครบ จบ ฟังแล้วติดหู
ยกตัวอย่าง Netflix สั้น ง่าย กระชับ
อ่านแล้วจบไว เรียกง่ายๆ จำง่ายๆ
เทคนิคคือ ตั้งชื่อให้ไม่เกิน 4 พยางค์
เพราะต่อให้คุณตั้งชื่อให้ยาว ลูกค้าก็จะหานิ๊กเนม
หรือชื่อเล่นเอาไว้เรียกชื่อแบรนด์ของคุณแบบสั้นๆอยู่ดี
04 : ตั้งชื่อแบรนด์แบบมีสเน่ห์ Charismatic
ตั้งชื่อแบรนด์แบบมีสเน่ห์ ดูออริจินอล
เห็นแล้ว Unique แตกต่างจากคู่แข่ง
ตัวอย่าง แบรนด์ Victoria's Secret
ชื่อที่ดีต้องแฝงด้วยบุคลิกลักษณะที่ดีของแบรนด์ไว้ในชื่อ
เชื่นสนุก เซ็กซี ขี้เล่น หรือเน้นความน่าเชื่อถือ เคร่งครึม
ทำให้คนที่เห็นได้นำไปคิดต่อ ว่าชื่อนี้มีที่มาที่ไป
และความหมายแฝงยังไง
05 : ตั้งชื่อแบรนด์แบบ ส่งต่อ Applicative
ตั้งชื่อมาแล้วต้องคิดถึงการนำไปใช้ต่อด้วย
ชื่อแบรนด์ต้องปรับใช้ได้ง่ายๆในทุกๆแพลตฟอร์ม
สามารถปรับใช้กับการทำมาร์เก็ตติ้งได้หลากหลาย
ยกตัวอย่างการตั้งชื่อแบรนด์ที่พ้องเสียงภาษาอังกฤษ
อย่าง THE BRANDING ACADEMY
ที่คนอ่านปุ๊บ เข้าใจเลยว่าคืออะไร นำไปปรับใช้ในชื่อเดียวกันได้
ทั้ง Facebook, IG, Youtube และ Website
ชื่อแบรนด์ของคุณใช้หลัก 5 ส. ให้โลกจำหรือยังคะ
อย่าลืมเซฟและแชร์เก็บไว้สร้างแบรนด์สุดปังกัน!
Comments